5 เทคนิคสำคัญในการเลือก ประกันรถยนต์ชั้น 1 (2019)

เมื่อคุณมีรถ สิ่งที่ต้องทำเกี่ยวกับประกันรถก็คือการทำประกันภาคบังคับ หรือพรบ. ซึ่งจะเป็นตัวรองรับอย่างแน่นอนว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้บาดเจ็บไม่ว่าจะคุณเองหรือคู่กรณีจะได้รับการดูแลตามสมควรอย่างแน่นอน แต่ประกัน พรบ.นี้ไม่ได้เยียวยาเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถ ดังนั้นหากคุณกังวลก็ต้องทำประกันภาคสมัครใจเพิ่มเติม วันนี้เราจึงมาแนะนำ 5 เทคนิคเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1

ประกันรถยนต์ชั้น 1

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือว่าเป็นประกันที่ซ่อมทั้งรถคุณและรถคู่กรณี ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งจะทำการเยียวยาในวงเงินที่บริษัทประกันได้แจ้งคุณไว้ตั้งแต่แรกในวันที่ทำประกันแล้ว แต่เราจะมั่นใจได้มากขนาดไหนว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ของบริษัทนี้เหมาะกับเราจริง ๆ มาดูเทคนิคกันค่ะ

  1. บริษัทประกัน ชื่อเสียงของบริษัทประกันถือว่ามีความสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกที่จะทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ค่ะ คุณจำเป็นต้องเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักพอสมควร เพราะมีมากมายที่บริษัทประกันเล็ก ๆ ลอยแพผู้ทำประกัน กล่าวคือไม่ค่อยรับผิดชอบนั่นเอง
  2. รายละเอียดของกรมธรรม์กับค่าเบี้ยประกัน แต่ละบริษัทจะมีรายละเอียดของวงเงินเอาประกัน ความคุ้มครอง หรืออู่ซ่อม เป็นต้น ที่แตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ซึ่งคุณสามารถนำมาเปรียบเทียบคู่กับค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละบริษัท โดยเลือกที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
  3. ประกันมีความคุ้มครองปลีกย่อยหรือไม่ หลายกรณีผู้ทำประกันไม่ได้อ่านรายละเอียดของบริษัทในสิ่งที่บริษัทยกเว้นไม่รับประกัน เช่นกรณีถูกโจรกรรม ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง, การก่อการร้าย เป็นต้น ซึ่งเมื่อรถหรือแม้แต่ตัวของคุณเกิดความเสียหาย ก็อาจไม่สามารถเรียกร้องได้ แต่ก็ต้องแลกกับค่าเบี้ยที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
  4. อู่ที่รับซ่อมรถ ปัจจุบัน ประกันรถยนต์ชั้น 1 ของบริษัทต่าง ๆ มักให้ผู้ทำประกันนำรถไปซ่อมที่ได้ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้น ๆ ที่เรามักเรียกว่าซ่อมห้าง ซึ่งข้อดีก็คือคุณภาพที่คุณวางใจได้ แต่ก็มีเช่นกันที่อู่ซ่อมจะเป็นอู่ซ่อมรถทั่วไป ซึ่งคุณอาจจะขอข้อมูลมาตรวจสอบก่อนก็ได้ว่ามีอู่ใดบ้าง และบริการแต่ละอู่เป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้เช็คง่ายมาก ๆ แล้วค่ะ
  5. การให้บริการหลังการขาย แน่นอนว่าคุณคงไม่อยากรู้สึกเหมือนถูกทิ้งหลังการชำระเบี้ยประกันไปแล้ว ดังนั้นคุณต้องดูบริการที่แต่ละบริษัทจะให้คุณด้วย อาทิ บริการรถยก, คอลเซ็นเตอร์หรือแอปที่มีไว้บริการแจ้งเหตุหรือติดต่อสอบถาม ซึ่งควรจะเน้นที่ 24 ชั่วโมง เพราะเราไม่ทราบว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

 

นี่เป็นเพียง 5 เทคนิคเบื้องต้นที่คุณสามารถใช้เพื่อนำไปพิจารณาเลือกทำประกันกับบริษัทที่คุณกำลังสนใจอยู่นะคะ