รีไฟแนนซ์ จำนำทะเบียนรถ แบบไหนจะดีกว่ากัน?

เมื่อถึงทางตัน เงินที่อาจจะเคยคล่องมือก็กลับฝืดเคือง แต่หากคุณยังมีรถก็สามารถนำเจ้ารถคู่ใจมาช่วยชีวิตคุณในครั้งนี้ได้ค่ะ แต่เมื่อจะทำเรื่องขอสินเชื่อคุณเองอาจจะเกิดอาการสับสน งุนงงกับคำศัพท์ที่ได้รับหรือที่ได้ยินมา บางครั้งก็อาจได้ยินคำว่า รีไฟแนนซ์ บางครั้งก็ได้ยินคำว่า จำนำทะเบียน แล้ว 2 อย่างนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร และแบบไหนจะดีกว่ากัน บทความนี้พามาทราบคำตอบรีไฟแนนซ์ จำนำทะเบียนรถ กันค่ะ ไปอ่านกันต่อได้เลย

รีไฟแนนซ์ จำนำทะเบียนรถ

รีไฟแนนซ์ จำนำทะเบียนรถ “รีไฟแนนซ์” ก่อนอื่นมาเข้าใจวิธีการของการรีไฟแนนซ์กันก่อนค่ะ  โดยวิธีการนี้ คุณยังมีการผ่อนชำระกับบริษัทที่ขอสินเชื่อไว้เมื่อตอนออกรถใหม่ ๆ อยู่ โดยมีการผ่อนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังทำการผ่อนไม่หมด เมื่อต้องการเงินสดมาใช้หมุนเวียน คุณก็สามารถติดต่อบริษัทสินเชื่อบริษัทใหม่ที่มีอยู่มากมาย โดยเป็นการขอกู้ใหม่เพื่อนำเงินดังกล่าวมาปิดบัญชีจากบริษัทสินเชื่อเก่า และส่วนต่างของเงินคุณก็สามารถนำมาใช้ได้ โดยที่คุณก็ต้องมาเริ่มผ่อนกับบริษัทสินเชื่อใหม่ต่อไป ทั้งนี้วงเงินที่ได้รับ ดอกเบี้ย ตลอดจนข้อกำหนดในการที่จะขอสินเชื่อได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อนั้น ๆ

 

สามารถประมวลข้อดีของการรีไฟแนนซ์ออกมาได้ดังนี้ค่ะ

  1. อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงกว่าเดิม
  2. สามารถปรับระยะเวลาการผ่อนได้
  3. รถยังมีใช้ขับได้ตามปกติ
  4. มีเงินส่วนต่างจากการรีไฟแนนซ์ ที่สามารถนำมาใช้ได้

 

รีไฟแนนซ์ จำนำทะเบียนรถ คราวนี้มาดูเรื่อง “จำนำทะเบียนรถ” กันบ้างค่ะ เป็นสินเชื่อยอดฮิตกันเลยทีเดียว เพราะเป็นการขอสินเชื่อจากการที่คุณผ่อนรถจนหมดแล้ว และมีเล่มทะเบียนอยู่ในมือ จากนั้นก็นำเล่มทะเบียนนี่ล่ะที่เข้าไปขอสินเชื่อกับทางบริษัทที่คุณต้องการ โดยทางบริษัทก็จะเก็บเล่มทะเบียนไว้ก่อน และมอบเงินสดให้กับคุณ โดยวงเงินต่าง ๆ ดอกเบี้ยและรายละเอียดอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทนั้น ๆ เมื่อคุณผ่อนชำระจนหมด ทางบริษัทก็จะคืนเล่มทะเบียนกลับมาให้คุณ

 

ประมวลข้อดีของการจำนำทะเบียนรถ มีดังนี้ค่ะ

  1. สามารถมีเงินสดมาหมุนเวียนใช้จ่าย
  2. รถยังมีขับใช้ได้ตามปกติ
  3. ภายในเล่มทะเบียน จะไม่มีใครทราบว่ามีคุณนำมาขอสินเชื่อใหม่
  4. ได้เงินเร็ว ไม่ต้องรออนุมัตินาน

 

ส่วนการจะเลือกพิจารณาขอสินเชื่อแบบไหนระหว่าง รีไฟแนนซ์ จำนำทะเบียน ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณผ่อนหมดหรือยังไม่หมดนั่นเอง ไม่มีแบบใดดีกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเกี่ยวกับรถของคุณเอง แต่ทั้งคู่ก็สามารถที่จะเป็นวิธีการที่จะช่วยให้คุณสามารถมีเงินสดไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้นั่นเองค่ะ