ทำไม? ประกันรถยนต์ เชิงพาณิชย์ เบี้ยถึงสูงกว่าแบบธรรมดา

เมื่อคุณมีรถยนต์ นั่นย่อมแสดงว่าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากการใช้งานในรถยนต์ได้ เช่น ใช้ขับเพื่อไปทำงาน ส่งลูกไปเรียน ไปท่องเที่ยวในวันหยุด หรืออื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการใช้งานส่วนตัว แต่หากคุณมีรถไว้ใช้เพื่อการอย่างอื่นล่ะ แน่นอนว่าบริษัทประกันภัยต้องคิดเบี้ยที่ต่างกันไปที่เรียกว่า ประกันรถยนต์ เชิงพาณิชย์

ประกันรถยนต์ เชิงพาณิชย์

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักประกันรถยนต์ เชิงพาณิชย์ และประกันภัยรถยนต์แบบอื่น ๆ กัน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. การใช้งานส่วนบุคคล ก็อย่างที่เขียนไปข้างต้นว่าเป็นการใช้งานทั่วไปสำหรับการมีรถ เช่น ขับรถไปทำงาน, ส่งลูกไปโรงเรียน, ไปท่องเที่ยวในวันหยุด เป็นต้น ไม่ใช่รถรับจ้างหรือให้เช่า รวมไปถึงรถของนิติบุคคลเป็นเจ้าของ แต่ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้โดยเฉพาะ เช่น รถประจำตำแหน่ง ซึ่งหากการทำประกันประเภทนี้ก็ต้องระบุชื่อผู้ใช้เป็นผู้เอาประกันภัย
  2. การใช้งานเชิงพาณิชย์ ก็คือการนำรถมารับจ้างหรือให้เช่า หรือเป็นรถของบุคคลธรรมดา แต่ทว่านำรถมาเพื่อขนส่งผู้โดยสารหรือสินค้า เป็นต้น เหล่านี้ก็ถือว่าคุณต้องทำประกันรถยนต์ เชิงพาณิชย์ ด้วย
  3. การใช้รับจ้างสาธารณะ รถที่ผู้เอาประกันภัยเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล และใช้รถในทางรับจ้างสาธารณะ เช่นรถแท็กซี่ เป็นต้น
  4. การใช้งานเชิงพาณิชย์พิเศษ คือมีการนำรถมาขนสิ่งอันตรายต่าง ๆ เช่น น้ำมัน, เชื้อเพลิงอื่น ๆ, แก๊ส เป็นต้น

 

ซึ่งจะเห็นได้ว่า หากคุณนำรถส่วนบุคคล แล้วทำประกันปกติทั่วไปตามข้อ 1 แต่วันดีคืนดีนึกอยากหารายได้พิเศษแล้วสมัครเพื่อขับรถส่งคนไปที่ต่าง ๆ เช่น Grab เป็นต้น ก็เข้าข่ายว่าเป็นการนำรถไปใช้งานเชิงพาณิชย์ด้วยค่ะ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วบริษัทประกันภัยสืบทราบว่าคุณนำรถไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องกับประเภทประกัน ก็อาจปัดความรับผิดชอบ หรือรับผิดชอบไม่เต็มจำนวนที่ควรจะจ่ายได้เช่นกันค่ะ

 

ดังนั้นเมื่อดูจากการใช้งานและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ คุณเองก็คงตอบได้ไม่ยากว่า หากรถแต่ละประเภทใน 4 อย่างข้างต้นนี้จะทำประเภทเดียวกัน ทุนประกันเท่ากัน และรายละเอียดความคุ้มครองอื่น ๆ เท่ากัน การใช้งานแบบใดจะต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยมากที่สุด และการใช้งานแบบใดจะต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยน้อยที่สุด ใช่แล้วค่ะ! การใช้งานส่วนบุคคลย่อมจะต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยน้อยที่สุด และการใช้งานเชิงพาณิชย์พิเศษย่อมจะต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยมากที่สุด เพราะเบี้ยประกันภัยที่บริษัทประกันใช้คิดคำนวณก็ต้องดูจากความเสี่ยงต่าง ๆ ในการใช้งานด้วย และการทำประกันรถยนต์ เชิงพาณิชย์ เป็นการนำรถมาใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ มีการขับขี่ที่มากกว่าปกติ ก็ย่อมต้องมีค่าเบี้ยประกันภัยที่สูงกว่าการใช้งานส่วนบุคคลเป็นธรรมดาค่ะ