เครดิตบูโร อยากกู้ผ่านต้องรักษาสถานะยังไง?

ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่มีเครดิตแน่ ๆ ไม่ว่าใครก็ต้องการการเป็นคนที่ถูกยอมรับ เป็นคนมีเครดิต ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้แค่หมายถึงการที่คุณสามารถไปทำเรื่องขอสินเชื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรถยนต์ รีไฟแนนซ์รถยนต์ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อบัตรเครดิต ได้ง่าย ๆ เท่านั้น หากแต่หมายถึง ไม่ว่าคุณจะพูดหรือทำอะไร ก็ได้รับความเชื่อใจ ไว้ใจ ยอมรับนับถือด้วยนั่นเอง ดังนั้นเมื่อจะอยู่ในสังคมที่ทุกวันนี้อะไร ๆ ก็ออนไลน์ไปเสียหมด การจะตรวจสอบว่าคุณเป็นคนมีเครดิตหรือไม่ จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยสิ่งที่เรามักได้ยินคนพูดว่า “เครดิตบูโร” นั่นเอง และเจ้าสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างไร เราต้องดูแลรักษาสถานะกับสิ่งนี้อย่างไรบ้าง มาติดตามรายละเอียดกันค่ะ

เครดิตบูโร คืออะไร?

เครดิตบูโร หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ข้อมูลเครดิต เป็นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติหนี้และการชำระของแต่ละบุคคลนั่นเอง ไม่ว่าคุณจะเคยกู้ที่ไหน มีประวัติการชำระเงินเป็นอย่างไร มีสินเชื่อตัวไหนที่ยังถืออยู่ หรือตัวไหนที่ปิดไปแล้ว เป็นต้น ก็จะแสดงในข้อมูลเครดิตทั้งหมด

สถานะแสดงแบบไหน อย่างไรบ้าง?

ในข้อมูลเครดิตนั้น จะแสดงประวัติของหนี้สินคุณย้อนหลัง 36 เดือน โดยข้อมูลล่าสุดจะอยู่ด้านบน ซึ่งแต่ละสินเชื่อหรือหนี้สินนั้น ๆ จะมีตัวเลขกำกับอยู่ ซึ่งความหมายของแต่ละตัวเลขคือ

• เลข 10 หมายความว่า ปกติ แปลว่า บัญชีนี้เป็นบัญชีที่ปกติ มีการจ่ายชำระครบถ้วน หรือไม่มียอดค้างชำระ หรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน
• เลข 11 หมายความว่า ปิดบัญชี แปลว่า บัญชีนี้ได้ปิดเรียบร้อยแล้ว ไม่มีหนี้สินคงค้าง
• เลข 12 หมายความว่า พักชำระหนี้ตามนโยบายรัฐ เช่นในช่วงโควิดที่ผ่านมา จะมีมาตรการให้พักชำระหนี้ได้ ไม่ถือว่าสถานะนี้เป็นการค้างชำระ
• เลข 20 หมายความว่า มีการค้างชำระเกิน 90 วัน นั่นหมายความว่า คุณมีหนี้คงค้าง และไม่ยอมชำระ และสถานะแบบนี้นี่เองที่จะไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณเวลานำไปขอสินเชื่อต่าง ๆ เพราะจะสื่อได้ถึงว่าคุณมีแนวโน้มที่มีปัญหาทางการเงิน และมีโอกาสไม่ชำระหนี้ของผู้ที่คุณกำลังทำการขอสินเชื่ออยู่

นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าคุณมีบัญชีที่ปกติ แสดงสถานะเป็น 10 ก็ตาม แต่เวลาที่คุณไปขอสินเชื่อต่าง ๆ แต่ละที่จะมีการวัดสัดส่วนหนี้สินเทียบกับรายได้ที่คุณมี หากคุณมีหนี้สินที่มากเกินไป เช่น ขอสินเชื่อบุคคลบ่อย, มีบัตรเครดิตเป็นจำนวนมาก แม้ในความเป็นจริงอาจไม่ค่อยได้ใช้ หรือจ่ายหมดทุกรอบบัญชีก็ตาม แต่ก็จะมีผลทำให้สินเชื่อของคุณอาจไม่ได้รับการอนุมัติ หรือถึงอนุมัติก็อาจจะได้รับวงเงินที่ไม่มากนัก ดังนั้นจึงควรมีแต่พอดี และไม่ขอสินเชื่อโดยไม่จำเป็น เพื่อที่ว่าขอสินเชื่อครั้งใด ก็ให้เช็คเครดิตบูโรได้ โดยที่คุณไม่ต้องกังวลนั่นเอง