ไม่ต้องมีคนค้ำ ไม่ต้องง้อใคร กับการขอสินเชื่อรถยนต์

การค้ำประกันมักเป็นภัยให้กับผู้ค้ำประกัน ซึ่งมักมีข่าวมาให้เราเห็นเสมอ ๆ หากใครไม่เคยเจอประสบการณ์ที่เลวร้ายจากการค้ำประกันคนอื่น เราก็รู้สึกดีใจไปกับคุณด้วยจริง ๆ แต่ก็นั่นล่ะค่ะ จากข่าวคราวที่เราเห็นกันมา ทำไมมีหลายคนไม่กล้าค้ำประกันให้ใคร และมีหลายคนก็ไม่กล้าจะไปขอให้ใครค้ำประกันให้ ดังนั้นหากคุณจะต้องขอสินเชื่อรถยนต์ แบบไม่ต้องมีคนค้ำ มันก็เป็นเรื่องที่ดีสุด ๆ ไปเลยใช่มั้ยคะ

ไม่ต้องมีคนค้ำ

ปัจจุบันต้องบอกว่าการแข่งขันของทางสถาบันการเงินผู้ให้สินเชื่อรถยนต์ทั้งหลาย มีการแข่งขันกันที่สูงมาก เพราะมีผู้ให้บริการมากมายหลายบริษัทมากขึ้น ดังนั้นก็ต้องงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ ออกมาดึงดูดผู้บริโภคกันอยู่พอสมควรค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดอกเบี้ย ที่เราทุกคนก็เพิ่งผ่านโรคระบาด โควิด 19 กันมาหมาด ๆ หรือจะเป็นเศรษฐกิจขาลง ทำให้หลายบริษัทตัดสินใจลดราคาดอกเบี้ย ซึ่งถ้าใครหลายคนที่กำลังคิดตัดสินใจจะขอสินเชื่อรถยนต์ แต่ยังไม่ได้สมัครกับบริษัทไหนก็มีสิทธิ์ที่ใจจะเอนเอียงไปบริษัทนั้น ๆ ได้

 

และอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นตัวชูโรงของหลาย ๆ บริษัท นั่นคือ การขอสินเชื่อรถยนต์ โดยไม่ต้องมีคนค้ำ หลายคนก็อาจจะคิดว่าเป็นพวกการโฆษณาเลื่อนลอยหรือไม่ อันนี้เราต้องแยกเป็นประเด็นก่อนนะคะ กล่าวคือ

 

ประเด็นแรก ไม่ต้องมีคนค้ำ เนื่องจากเป็นการนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถอื่น ๆ ตามที่แต่ละบริษัทจะกำหนดไปขอสินเชื่อ ไม่ว่าคุณจะขอสินเชื่อแบบโอนเล่มหรือไม่โอนเล่มก็ตาม ทางบริษัทจะเป็นผู้เก็บเล่มทะเบียนของคุณไว้ เท่ากับเป็นเหมือนหลักค้ำประกันชั้นดีนั่นเอง จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้ค้ำประกัน

 

ประเด็นสอง แบบต้องมีคนค้ำ การให้บริการสินเชื่อประเภทนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีเล่มทะเบียนรถของคุณเก็บไว้ก็จริง แต่หากคุณมีรายได้น้อยเกินไป หรือเพิ่งเข้าทำงานใหม่ ๆ หรืออาจเคยมีประวัติการชำระที่ไม่ดีจากที่อื่นมาก่อน เป็นต้น ทางบริษัทก็อาจพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับคุณก็ต่อเมื่อคุณสามารถหาผู้ค้ำประกันได้ ทั้งนี้ผู้ค้ำประกันก็ไม่ใช่ว่าคุณจะหาใครมาค้ำก็ได้ แต่ผู้ค้ำต้องมีคุณสมบัติตามที่บริษัทกำหนด อาทิเช่น มีเงินเดือนสูงเป็น 2 เท่าของค่างวดที่คุณต้องชำระ หรือไม่เคยมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี หรือไม่มียอดหนี้ส่วนตัวที่มากเกินไป เป็นต้น

 

แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะต้องมีค้ำหรือไม่ต้องมีคนค้ำ ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทที่คุณไปทำเรื่องขอสินเชื่อด้วยนะคะ ว่ามีความยืดหยุ่นมากน้อยเพียงใด โดยอาจเข้าไปสอบถามที่สาขาหรือโทรติดต่อผู้ให้บริการสินเชื่อ และลองยื่นเอกสารการขอสินเชื่อเข้าไปให้บริษัทลองพิจารณาดูค่ะ