ประกันรถยนต์ แตกต่างกันอย่างไร อยากรู้ จัดให้!

ความคุ้มครองที่มอบให้รถยนต์คันโปรดและตัวคุณเองนั้น ก็คือการทำประกันรถยนต์นั่นเองค่ะ แต่เชื่อแน่ว่าหลาย ๆ ท่านก็ยังเกิดความสับสนทุกครั้งที่จะทำประกันว่า ประกันรถยนต์มีกี่แบบ และแต่ละแบบให้ความคุ้มครองแตกต่างกันอย่างไร ไม่เป็นไรค่ะ บทความนี้เราจะมาแจกแจงประกันรถยนต์ แตกต่างกันอย่างไรในแต่ละประเภทให้คุณทราบ

ประกันรถยนต์ แตกต่าง

ประกันรถยนต์มีแต่ละประเภทดังนี้ค่ะ

  1. ประกันรถยนต์ประเภท 1 เคลมได้เกือบทุกกรณี โดยแยกเป็นรายละเอียดดังนี้
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ทั้งร่ายกาย/ชีวิต และทรัพย์สิน
  • รถยนต์คันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งการสูญหาย, ไฟไหม้ และการชน
  • บุคคลภายในรถคันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ค่ารักษาพยาบาล, ประกันผู้ขับขี่ และภัยก่อการร้าย
  1. ประกันรถยนต์ประเภท 2
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ทั้งร่ายกาย/ชีวิต และทรัพย์สิน
  • รถยนต์คันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งการสูญหาย, ไฟไหม้ แต่ไม่คุ้มครองการชน
  • บุคคลภายในรถคันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ค่ารักษาพยาบาล, ประกันผู้ขับขี่ และภัยก่อการร้าย
  1. ประกันรถยนต์ประเภท 3
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ทั้งร่ายกาย/ชีวิต และทรัพย์สิน
  • บุคคลภายในรถคันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ค่ารักษาพยาบาล, ประกันผู้ขับขี่
  1. ประกันรถยนต์ประเภท 4
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ให้ความคุ้มครองเฉพาะตัวทรัพย์สินเท่านั้น
  1. ประกันรถยนต์ประเภท 5 ชั้น 2+ คล้าย ๆ กับประกันภัยประเภท 1 และประเภท 2 รวมกัน
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ทั้งร่ายกาย/ชีวิต และทรัพย์สิน
  • รถยนต์คันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งการสูญหาย ไฟไหม้ การชน (เฉพาะกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น)
  • บุคคลภายในรถคันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ค่ารักษาพยาบาล, ประกันผู้ขับขี่ และภัยก่อการร้าย
  1. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 ชั้น 3+ คล้ายกับประกันรถยนต์ประเภท 3 แต่เพิ่มเติมบางส่วนเข้ามา
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ทั้งร่ายกาย/ชีวิต และทรัพย์สิน
  • รถยนต์คันที่เอาประกันภัย คุ้มครองการชน (เฉพาะกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น)
  • บุคคลภายในรถคันที่เอาประกันภัย คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุส่วนบุคคล, ค่ารักษาพยาบาล, ประกันผู้ขับขี่

 

จากรายละเอียดข้างต้นก็คงพอทำให้คุณทราบประกันรถยนต์ แตกต่างกันอย่างไรในแต่ละประเภทแล้วนะคะ โดยราคาค่าเบี้ยประกันภัยก็จะแตกต่างกันไปตามความคุ้มครองที่มีให้ โดยแผนประกันรถยนต์ประเภท 1 จะมีค่าเบี้ยที่สูงที่สุด และแผนประกันรถยนต์ประเภท 4 จะมีค่าเบี้ยที่ถูกที่สุดค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นในแต่ละแผนประกันรถยนต์ แตกต่างกันด้วยรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ อีก เช่นทุนประกัน, วงเงินความคุ้มครอง เป็นต้น ซึ่งคุณก็สามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอปรับเปลี่ยนได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมโดยทางเจ้าหน้าที่จะพิจารณาอีกครั้งค่ะ แต่นี่ก็คงพอเป็นแนวทางให้คุณนำไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ประกันได้แล้วนะคะ