เจอเหตุมี คู่กรณี ประกันรถยนต์ ต้องทำไงบ้าง?

ถึงแม้ว่าการขับรถในทุก ๆ วันของคุณ อาจจะเหมือนเดิมคือเพียงขับรถจากบ้านไปที่ทำงานในตอนเช้า และตอนเย็นก็ขับกลับจากที่ทำงานมาบ้าน เสาร์อาทิตย์ก็อาจจะไปเที่ยวห้าง ออกต่างจังหวัดบ้าง ดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรหวือหวาก็ตาม แต่ทว่าอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ได้ค่ะ สิ่งที่พอจะช่วยให้คุณเบาใจก็คือการทำประกันรถยนต์ และเอาเข้าจริง ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นเราก็มักสติแตก ทำอะไรไม่ถูก บทความนี้จะมาแนะนำวิธีรับมือกับอุบัติเหตุ เมื่อมี คู่กรณี ประกันรถยนต์ ช่วยอะไรได้บ้าง

คู่กรณี ประกันรถยนต์

ก่อนอื่นต้องมาสำรวจตัวเองกันก่อนนะคะว่าคุณเป็นมือใหม่ หัดขับหรือเปล่า หรือว่าขับรถมาหลายปี มีประสบการณ์ขับขี่พอสมควรแล้ว ที่ต้องสำรวจตนเองเช่นนี้เพราะเกี่ยวเนื่องไปถึงประเภทประกันที่คุณจะต้องทำด้วยค่ะ

 

โดยเราแบ่งออกได้เป็นกรณีดังนี้นะคะ

  1. มือใหม่หัดขับ แนะนำว่าทำประกันชั้น 1 ไว้จะเป็นการดีที่สุดค่ะ เพราะครอบคลุมความเสียหายได้อย่างกว้างขวางมากกว่าประเภทอื่น ๆ เพราะสามารถเคลมได้ทั้งกรณีมีคู่กรณี คือรถชนกับรถด้วย หรือแม้แต่ไม่มีคู่กรณี ประกันรถยนต์ก็คุ้มครอง คือจอดไว้เฉย ๆ แล้วถูกเฉี่ยวชน คู่กรณีก็หนีหาย ไม่รอเจอหน้า หรือแม้แต่เบียดเสาที่บ้าน ชนฟุตบาท เป็นต้น
  2. มือเก่า มีประสบการณ์ อันนี้ต้องมาดูควบคู่กับเงินในกระเป๋าค่ะ หากไม่ต้องการจ่ายเยอะ มั่นใจในการขับขี่ของตัวเอง ก็อาจเลือกเป็นแผนประกันรอง ๆ ลงมา เช่น ประกันชั้น 2+, 3+ เป็นต้น ได้เลย เพราะประกันที่ยกตัวอย่างมานี้ จะคุ้มครองให้คุณแค่ในกรณีที่รถชนรถเท่านั้น กรณีไปครูดเสา ชนฟุตบาท ทางประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองให้นะคะ

 

และเมื่อเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น อันนี้ในกรณีที่มีคู่กรณีนะคะ นั่นคือคุณมีการเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น สิ่งที่คุณจะต้องทำมีดังนี้ค่ะ

  1. ตั้งสติ ก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อมี คู่กรณี ประกันรถยนต์ช่วยได้ อย่ามัวแต่ตื่นตระหนก ตีโพยตีพาย
  2. หยิบกรมธรรม์ หรือหมายเลขแจ้งเคลมที่คุณควรเก็บไว้ที่กล่องเก็บของใต้คอนโซลรถ เพื่อโทรหาประกันตามเบอร์ที่มีอยู่
  3. แจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ได้แก่ หมายเลขกรมธรรม์หรือทะเบียนรถ วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ ลักษณะการเกิดเหตุคร่าว ๆ จากนั้นก็รอประกันมาค่ะ
  4. รอ ระหว่างรอ ควรใช้โทรศัพท์มือถือให้เป็นประโยชน์ ถ่ายรูปลักษณะการเกิดเหตุ หรือบริเวณนั้นไว้ อย่ามัวแต่อัพสเตตัสเฟสบุ๊คอยู่นะคะ อดใจรอให้เสร็จเรื่องราวก่อนจะดีกว่าค่ะ
  5. งดคุยเอง หากคู่กรณีหรือประกันของคู่กรณี พยายามจะมาตกลงกับคุณ ให้คุณแจ้งเขาไปว่าทางคุณมีประกัน ขอให้รอประกันฝ่ายคุณมาเสียก่อนค่ะ
  6. ได้ใบเคลม เมื่อประกันมาถึง และทำการเคลมระหว่างกันเรียบร้อย ประกันจะออกใบเคลมให้กับคุณ ซึ่งคุณสามารถนำใบเคลมนั้นติดต่อกับศูนย์บริการหรืออู่ที่คุณจะนำรถเข้าซ่อมได้เลยค่ะ
  7. รีบเข้าซ่อม ใบเคลมมีอายุ 2 ปี แต่แนะนำว่าหลังเกิดเหตุควรรีบนำรถเข้าซ่อมภายใน 1-2 อาทิตย์จะเป็นการดีกับคุณมากกว่าค่ะ

 

ข้อแนะนำในกรณีมีคู่กรณี ประกันรถยนต์ช่วยคุณได้นะคะ ไม่ว่าจะทำประกันประเภทไหนก็ตาม แต่รายละเอียดการซ่อม ก็ต้องขึ้นอยู่กับประเภท และวงเงินที่คุณได้ทำไว้นั่นเองค่ะ