ประกันรถยนต์ Honda jazz จะทำแบบไหนดีนะ?

ในความเป็นจริงรถของค่าย Honda มีมากมายหลายรุ่น แต่ถ้าเป็นรถขนาดไม่ใหญ่มาก ขับขี่ได้คล่องตัวในเมือง หลาย ๆ คนมักชอบที่จะออกรถ Honda jazz ด้วยดีไซน์ที่สวยหรู และภายในที่มีฟังก์ชันการใช้งานค่อนข้างครบครัน โดยเฉพาะสาว ๆ มักจะชอบเป็นพิเศษ ดังนั้นเมื่อผ่านมา 1 ปีจากการออกรถที่โชว์รูมและจะต้องต่อประกันรถ คุณอาจกำลังคิดว่าจะทำ ประกันรถยนต์ Honda jazz แบบไหนดี? ประเภทไหนถึงจะเหมาะสม? ลองมาดูไอเดียที่เราจะให้กับคุณกันค่ะ

ประกันรถยนต์ Honda jazz

ประเภทประกันที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ Honda jazz มีดังนี้ค่ะ

  1. ประกันชั้น 1 หากคุณกำลังต้องการจะต่อ ประกันรถยนต์ Honda jazz เป็นประกันชั้น 1 ก็ถือได้ว่าเป็นการให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด เพราะสามารถเคลมได้เกือบทุกกรณี นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ยังมีประสบการณ์การขับขี่ไม่มากนักอีกด้วยค่ะ
  2. ประกันชั้น 2+ เป็นประกันยอดฮิต เพราะให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 และยังให้ความคุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ เช่นเดียวกันด้วย ซึ่งหากคุณจะต่อ ประกันรถยนต์ Honda jazz ด้วยประกันชั้นนี้ ก็ต้องมีประสบการณ์การขับขี่มาพอสมควรนะคะ เพราะว่าการจะเคลมต้องเป็นการชนในกรณีรถชนรถ (ที่สามารถบอกทะเบียนได้) เท่านั้นนะคะ
  3. ประกันชั้น 3+ ก็ให้ความคุ้มครองที่รองลงมาจากประกันชั้น 2+ โดยเป็นการคุ้มครองกรณีรถชนรถเช่นเดียวกัน และไม่คุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่บริษัทประกันหรือบางโบรคเกอร์มีจำหน่ายความคุ้มครองพิเศษเหล่านี้ รวมไปถึงคุ้มครองน้ำท่วมให้คุณสามารถซื้อเป็นประกันเพิ่มเติมได้
  4. ประกันชั้น 3 ประกันประเภทนี้ให้ความคุ้มครองแค่ฝ่ายคู่กรณีของคุณเท่านั้น ก็คือซ่อมเขา แต่ไม่ซ่อมเรา ดังนั้น ประกันรถยนต์ Honda jazz ประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ อีกทั้งมีประสบการณ์ในการขับขี่ดี และตัวรถของคุณต้องจอดอยู่ในที่มิดชิด ปลอดภัย เพราะประกันประเภทนี้ไม่ได้คุ้มครองในเรื่องรถสูญหาย ไฟไหม้

 

การซื้อประกันในปัจจุบันคุณสามารถซื้อผ่านโบรคเกอร์ที่มีเลขที่ใบอนุญาตถูกต้อง และทำได้ง่ายผ่านเว็ปไซต์ อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบค่าเบี้ยประกันและรายละเอียดอื่น ๆ ของหลากหลายบริษัทได้ภายในไม่กี่นาที เพียงแค่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถและตัวคุณกับระบบเท่านั้น

 

นอกจากนี้ยังมีวิธีการเพื่อให้ได้ค่าเบี้ยที่ถูกลงอีกด้วย อาทิเช่น ระบุผู้ขับขี่, เลือกค่าเบี้ยแบบไม่รวมค่าเสียหายส่วนแรก (แต่อันนี้ต้องมั่นใจว่าโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยด้วยนะคะ เพราะถ้าเกิดบ่อยก็ไม่คุ้มเอาเสียเลย) เป็นต้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ให้กับคุณได้มาก หวังงว่าคงพอได้เป็นไอเดียในการต่อประกันรถยนต์ของคุณกันแล้วนะคะ