ประกันรถยนต์ 2+ ประกันในดวงใจที่ใครก็ฮิตทำ!
หากคุณกำลังมองหาบริษัทประกันเพื่อที่จะต่อประกันที่กำลังจะหมดลง หรือแม้แต่จะต่อประกันกับบริษัทเดิมนั่นแหละ แต่ไม่อยากทำประกันชั้น 1 แล้ว อาจจะด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงคุณเองก็มีประสบการณ์ในการขับขี่พอตัว ดังนั้นแผนประกันที่ยังให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 ก็หนีไม่พ้น ประกันรถยนต์ 2+ แต่ค่าเบี้ยถูกกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ประกันรถยนต์ 2+ เป็นประกันรถยนต์ประเภท 5 แม้จะดูชื่อว่าห่างไกลกับประกันชั้น 1 หรือประเภท 1 เหลือเกินแต่ก็เป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเอง โดยในประกันรถยนต์ประเภท 5 นั้นได้แตกผลิตภัณฑ์ออกมา 2 ตัวสุดฮิตนั่นคือ ประกันรถยนต์แบบ 2+ และประกันรถยนต์แบบ 3+ ในที่นี้เราจะนำแบบแรกมาให้คุณทราบในรายละเอียดกันก่อนค่ะ
ประกันรถยนต์ 2+ เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองกรณีรถชนยานพานะทางบก หรือถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ คู่กรณีของคุณต้องมีทะเบียนรถของกรมการขนส่งนั่นเอง ดังนั้นหากคุณไปเผลอเฉี่ยวจักรยาน เบียดฟุตบาท โดนปาหิน กรณีตัวอย่างเหล่านี้บริษัทประกันไม่รับผิดชอบให้คุณนะคะ แต่หากเป็นอุบัติจากรถชนรถ บริษัทประกันก็ให้ความรับผิดชอบตามทุนประกันที่คุณได้ตกลงทำไว้กับบริษัทประกัน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ นอกจากจะซ่อมรถให้ทั้งคุณและคู่กรณีแล้ว ก็ยังมีค่ารักษาพยาบาล, เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพหรือกรณีเสียชีวิตให้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมอื่น ๆ เช่น รถยก, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นต้น
และในยุคที่ความเสี่ยงสูง โจรขโมยเต็มเมือง คุณก็อาจกังวลเรื่องรถถูกโจรกรรม หรือรถถูกไฟไหม้ หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม ประกันรถยนต์แบบ 2+ ก็ยังให้ความคุ้มครอง แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขพิเศษด้วย เช่นคุณนำรถไปดัดแปลงติดตั้งระบบแก๊ส ก็ต้องแจ้งประกันให้เรียบร้อย หรือความคุ้มครองในภัยธรรมชาตินั้น สำหรับบางบริษัทประกันก็ไม่ได้คุ้มครอง หรือต้องซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมพิเศษ อันนี้ก็ต้องตรวจสอบกับบริษัทประกันที่คุณต้องการจะทำให้ดีด้วยนะคะ
ทุนประกันของประกันรถยนต์ 2+ แม้จะไม่ได้ให้สูงมากนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะอย่าลืมว่าการที่เขาให้เบี้ยประกันได้ถูก นั่นแสดงว่าความคุ้มครองตลอดจนทุนประกันเขาไม่สามารถให้คุณได้สูงเท่ากับประกันชั้น 1 อยู่แล้ว นอกจากนี้บางบริษัทก็จะมีส่วนลดเพิ่มให้ด้วย เช่น กรณีจ่ายค่าเบี้ยประกันทั้งก้อน ไม่ผ่อนชำระ หรือมีกล้องติดตั้งที่รถ หรือทำประกันในช่วงโปรโมชั่นที่บริษัทกำหนด ซึ่งหากคุณพิจารณาแล้วว่าคุ้มค่าคุ้มราคาก็รีบตัดสินใจทำไปเลย เพราะหากผลประโยชน์วิน-วินทั้งฝ่ายคุณและบริษัทประกัน นั่นก็คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วค่ะ